Eat Fun Travel Latest view Top view
Thumbnail imgxs

อาร์เจนติน่าพิชิตฝรั่งเศสในการดวลจุดโทษ 4-2 หลังจากเสมอใน 120 นาที 3-3 รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมฟ้าขาวปิดฉากบอลโลก 5 สมัยด้วยถ้วยแชมป์ในที่สุด พร้อมทำสถิติใหม่มากมาย ก้าวขึ้นเป็นตำนานลูกหนังคนใหม่อย่างไร้ข้อกังขา

ฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ อาร์เจนตินา พบกับ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า โดยทั้งคู่มีดีกรีเป็นแชมป์มาแล้ว 2 สมัย 
 
ลิโอเนล สกาโลนี่ นายใหญ่ อาร์เจนตินาจัดทัพใหญ่นำโดย ลิโอเนล เมสซี่ พร้อมลูกทีมสุดห้าวครบทีม พร้อมดวลกับ ทีมฝรั่งเศส แชมป์เก่า ของกุนซือ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ ที่นำทัพโดยดาวเด่น คีเลียน เอ็มบัปเป้  อองตวน กรีซมัน และโอลิวิเย่ ชิรูด์ 
 
ในเกมส์นี้จะเป็นการวัดพลังดาวซัลโวของทัวนาเม้นต์ ระหว่าง เอ็มบัปเป้ และเมสซี่ ที่ยิงไปแล้วคนละ 5 ประตูเท่ากัน อีกด้วย
 
 
อาร์เจนติน่าขึ้นก่อน 1-0 ในนาที่ 23 จากจุดโทษของเมสซี่ หลัง อุสมาน เดมเบเล่ ทำฟาวล์ อังเคล ดิ มาเรีย ในกรอบเขตโทษ 
 
อาร์เจนติน่า ขยับนำ 2-0 ในนาทีที่ 36 จากการต่อบอลสี่จังหวะสุดคลาสสิคของทีมอาร์เจนติน่า ที่เริ่มจากเมสซี่ ที่กลางสนาม จนมาจบที่ ดิ มาเรีย บรรจงยิงข้ามตัว ฮูโก้ ยอริส เข้าไปตุงตาข่าย
 
จบครึ่งแรก
 
นาที 78 โคโล่ มูอานี่ โดนทำฟาวล์ในกรอบโทษ เอ็มบัปเป้ ยิงจุดโทษเข้าไป ฝรั่งเศสไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 
 
นาที 81 เอ็มบัปเป้ ทำชิ่ง 1-2 กับ ตูราม เข้าไปยิงสุดสวย พาฝรั่งเศสตีเสมอ 2-2 อย่างเหลือเชื่อ
 
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาที อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ 3-2 อีกครั้ง หลังเมสซี่ซ้ำลูกยิงจ่อๆ เข้าไป เป็นลูกที่สองของตนเอง นำดาวซัลโวที่ 7 ประตู ร่วมกับเอ็มบัปเป้ 
 
นาที 115 อาร์เจนติน่าเสียจุดโทษอีกครั้ง และเอ็มบัปเป้ ยิงเข้าไป เป็นแฮตทริคของเขา และเป็นคนที่สองในโลกที่ทำแฮตทริคในนัดชิงชนะเลิศได้ ต่อจาก เจฟฟ์ เฮิร์ซ ในปี 1966  และประตูนี้ส่งเขาขึ้นนำเดี่ยวดาวซัลโวที่ 8 ประตู

ผู้ตัดสินเป่าหมดเวลา 120 นาที จบลงด้วย ผลเสมอ 3-3  กลายเป็นนัดชิงที่ยิงประตูมากที่สุดไป
 
ในการยิงจุดโทษชี้ชะตา เอ็มบัปเป้ และเมสซี่ ยิงเป็นคนแรกของแต่ละทีมและไม่พลาดทั้งคู่  อีก 2 คนต่อมาของฝรั่งเศสยิงพลาด ส่วนอาร์เจนติน่า ยิงเข้าทั้งหมด 
 
อาร์เจนติน่า ชนะเลิศ ไปด้วยประตูรวม 7-5 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ไปอย่างสมศักดิ์ศรี
 
 
*Photo : FIFA
 

รางวัล adidas Golden

adidas Golden Ball: Lionel Messi
adidas Golden Boot: Kylian Mbappe
adidas Golden Glove: Emiliano Martinez
Best Young Player: Enzo Fernandez
FIFA Fair Play Trophy: England

รางวัล Golden Ball อันดับ 2 Kylian Mbappe  อันดับ 3  Luka Modric 

รางวัล Golden Boot อันดับ 2 Lionel Messi ( 7 ประตู)  อันดับ 3 Olivier Giroud (4 ประตู)

ฟุตบอลโลกของเมสซี่

image ext
image ext
จะเรียกว่าฟุตบอลโลก 2022 เป็น "ฟุตบอลโลกของเมสซี่" ก็ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด เพราะเมื่อจบเกมส์นัดชิงชนะเลิศ ด้วยชัยชนะของอาร์เจนติน่า เถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสมัยที่ 3 หยุดการรอคอย 36 ปี นับจากยุคมาราโดน่าเมื่อปี 1986 ลงได้สำเร็จ ชัยชนะของอาร์เจนติน่า ควบคู่ไปกับความสำเร็จของเมสซี่ ซึ่งครองสถิติน่าทึ่งหลายด้าน 
 
เว็บไซต์ Guinness World Records บันทึกสถิติของเมสซี่ ไว้ ดังนี้
 
ลงสนามในฟุตบอลโลกมากที่สุด 27 นัด ทำลายสถิติของ โลธ่า มัทเธอุส ที่ทำไว้ 26 นัด 
 
ทำสถิติเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดในบอลโลก 11 ครั้ง
 
คนเดียวที่ทำแอสซิสต์ ได้ในฟุตบอลโลก 5 สมัย
 
ลงสนามในฐานะกัปตันทีมมากที่สุด 19 นัด
 
ลงแข่งขันในรายการฟุตบอลโลก (ชาย) มากที่สุด 5 สมัย

ลงสนามในฟุตบอลโลก จำนวน 2,314 นาที มากที่สุด แซงหน้า เปาโล มัลดินี่ 2,217 นาที

ยิงประตูในทุกรอบฟุตบอล ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม รอบ 16 ทีม รอบ 8 ทีม รอบรอง และรอบชิงชนะเลิศ

อายุมากที่สุด ที่ยิงได้ 7 ประตู มากที่สุดในฟุตบอลโลก
 
เป็นนักเตะคนเดียวที่ทำประตูได้ในทุกช่วงวัย คือ วัยรุ่น (2006@เยอรมัน) วัยยี่สิบ (2014@บราซิล) วัยสามสิบ (2018@รัสเซีย)
 
เมสซี่ เป็นผู้ทำประตูในนามทีมชาติอาร์เจนติน่า สูงสุด 95 ประตู

เมสซี่ทำประตูในฟุตบอลโลกได้ รวม 13 ประตู  - 1 ประตู ปี 2006   4 ประตู ปี 2014, 1 ประตู ปี 2018 , 7 ประตู ปี 2022  - แซงหน้า บาติสตูต้า ที่ทำไว้ 10 ประตู

เมสซี่ เป็นคนเดียว ที่ได้รับรางวัล โกลเด้นบอล 2 ครั้ง ในปี 2014 (บราซิล) และ ปี 2022 (กาตาร์) FIFA

เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ ในปี 2022 รวม 18 ประตู มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เจนติน่า ESPN

เมสซี่เป็นคนเดียว ที่ทั้งยิง ทั้งจ่าย ใน 3 เกม ในฟุตบอลโลกครั้งเดียว นับจากปี 1966 และเป็นคนเดียวที่ ทำได้ในรอบตัดเชือก (รอบก่อนรอง & รอบรอง)

สถิติของเมสซี่  ด้านต่างๆ เป็นเลิศไปหมด  ยิง 5 ประตู จ่าย 3 ประตู ยิง 27 ครั้ง เข้ากรอบ 14 ครั้ง ยิงแล้วมีลุ้น 4.75 ครั้ง สร้างโอกาสได้ 18 ครั้ง เรียกฟาวล์ได้ 20 ครั้ง สร้างโอกาสในเกม 14 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 36 ครั้ง  เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ 4 นัด 

เมสซี่ มีส่วนร่วมกับประตูได้ มากที่สุดไปแล้ว ด้วยยิง 13 ประตู จ่าย 8 ประตู แซงหน้า มิโลสลาฟ โคลเซ่ (16/3) โรนัลโด้ (15/4) แกรด มุลเลอร์ (14/5) 

+++++
   
เมสซี่ ทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ปี 2006 (ที่เยอรมัน) ด้วยวัย 18 ปี เป็นหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่สุดที่พังประตูได้ในฟุตบอลโลก เจ้าของสถิติยังคงเป็นเปเล่ ที่ทำประตูเวลส์ ในปี 1958 ในวัย 17 ปี 239 วัน
 
+++++
 
น่าสนใจ

ก่อนฟุตบอลโลกปี 2022 จะเริ่มขึ้น มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ครองตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุด 6 นัด ร่วมกัน คือ เมสซี่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอาร์เยน ร๊อบเบน 
ในครั้งนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ 1 นัด (พบกับกาน่า)  ส่วนเมสซี่ได้อีก 5 นัด
 
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนแรกก่อนหน้าเมสซี่ ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก 5 สมัย 
 
นักเตะที่ลงสนามในตำแหน่งกัปตันทีมมากที่สุดก่อนหน้าเมสซี่ คือ ราฟาเอล มาเควซ ของเม็กซิโก จำนวน 18 นัด
 
 

New stories

all : eat | fun | travel | cannabis

Latest view

มีเรื่องอยากเล่า มีร้านอยากอวด มีกิจกรรมเด็ดๆ อยากโปรโมทเชิญชวน ส่งเรื่อง/ภาพมาที่ eatfuntravel.com@gmail.com